ความรุนแรง ต่อ เด็ก ความรุนแรงต่อเด็กเป็นปัญหาหนึ่งในสังคมถึงแย้งที่ระดับรุนแรง1. มันฟังมีขึ้นว่องไว โดยมีการล่วงละเมิดและทำร้ายเด็กด้วยรุนแรงกายภาพหรือจิตใต้2. ผลกระทบมันสู่สุขภาพ และการพัฒนาต่าง ๆ ของเด็กอย่างมาก. แม้มันมีกฎหมายในการคุ้มครองเด็กแต่ความรู้ องก และการมีส่วนร่วมจากครอบครัว และสังคม มันสำคัญมากในการป้องกันปัญหานี้.

การป้องกันจากความรุนแรง ต้องเริ่มจากการเข้าใจความหมายและต้นเหตุของมัน1. เราควรจัดการในทางที่ถูกต้อง. สิ่งที่เราสามารถทำคือ การช่วยเหลือ เราควรรายงานเหตุ และสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังในชุมชน เราต้องคุมปัญหานี้.

เราควรไม่ละเลยแผนการปกป้องเด็ก. เดี่ยวนี้ทำให้เด็ก ๆ เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ. การเอาเรื่องเด็กไปฝ่ายนึง ทำให้พวกเขามีพัฒนาการทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม

สรุปสาระสำคัญ

  • ความรุนแรงต่อเด็กเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมที่ต้องแก้ไขร่วมกัน
  • การทารุณกรรมและกระทำรุนแรงต่อเด็กส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเด็ก
  • รัฐมีกฎหมายคุ้มครองแต่ต้องอาศัยส่วนร่วมจากทุกฝ่ายด้วย
  • ความเข้าใจที่ถูกต้องนำไปสู่การจัดการปัญหาได้อย่างเหมาะสม
  • ปกป้องเด็กให้เติบโตอย่างปลอดภัยและมีพัฒนาการที่สมบูรณ์

บทนำ

ความรุนแรงต่อเด็กเป็นปัญหาร้ายแรงที่กระทบการเติบโตและพัฒนาการของเด็ก การกระทำรุนแรงทางร่างกาย การทารุณกรรม การล่วงละเมิดทางเพศ และการกระทำรุนแรงทางจิตใจ ส่งผลอันตราย และเขมันด้วยบาดเจ็บทั้งกายและใจ.

ความหมายของความรุนแรงต่อเด็ก

ความรุนแรงต่อเด็ก คือ การกระทำที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก. ช่วงเจือปนเจอกับความทุกข์ทรม ความหมกมั่น ด้วยทั้งการกระทำทั้งทางร่างกายและจิตใจ. ยกต such as การทารุณกรรม การล่วงละเมิดทางเพศ การขู่เข็ญ คุกคาม ละเลยการเอาใจใส่ มาเป็นตัวอย่าง23

ผลกระทบของความรุนแรงต่อเด็ก

ความรุนแรงต่อเด็ก มีผลกระทบหลากหลายอย่าง เริ่มต้นที่บาดเจ็บ พัฒนาพฤติกรรมและจิตใจประกอบด้วยการสิ้นชีวิต2. เนื่องในบางเพื่อนหน ผลกระทบนี้ส่งผลต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็กไม่สมบูรณ์34.

บาดเจ็บทางจิตใจสามารถแสดงอย่างนอนไม่หลับ ได้ฝันร้าย ปัสสาวะพ้นที่นอน. และพฤติกรรมก้าวร้าวทางกดดันใคร่.

สาเหตุของความรุนแรงต่อเด็ก

ทำเหตุการณ์ความรุนแรงต่อเด็กคลุมเครือไปด้วยหลายสาเหตุ. แม้จากจารีตประเพณีลักษณะผู้ชายที่ดุและการใช้อำนาจกับผู้หญิงและเด็ก5. หลายเหตุฉุกแฉะกับโครงสร้างสังคมสำหรับการปล่อยความเชื่อถึงบทบาทเพศอย่างหลากหลาย5. เซพะวันปัญหาทางด้านสภาวะทางกายและจิตใจของผู้กระทำ5 เช่นภาวะจิตเวช.

สาเหตุของความรุนแรงต่อเด็ก

สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศเร้าความรุนแรงผลักชูพฤติกรรมรุนแรง. เช่นคำพูดด่าที่เจอออนไลน์และในสังคม3. เดี๋ยวนี้เป็นปัจจัยให้ครอบครัวปลอมพฤติกรรมกันเป็นครั้งคราวเยอะขึ้น3.

ตามองค์การอนามัยโลก, การกระทำรุนแรงต่อเด็กประกอบด้วย 4 ตระหล่อย. มีร่ายกายรุนแรง, จิตใจขัดแย้ง ล่มเพศ และการทอดทิ้ง6. เด็กที่ถูกทำรุนแรงแสดงอาการ ซึ่งอาจตามมานานถึงวัยผู้ใหญ่

การป้องกันและแก้ไขความรุนแรงต่อเด็ก ขึ้นอยู่กับบริบทสังคมกว่าไป. ประกอบด้วยกฏหมายคุ้มครองเด็กที่กำลังปรับปราล. มีการสอนให้เข้าใจผลที่เกิดบนสารคดี และเปลี่ยนทัศนคติพ้อโพยในคอเมวัตติและชุมชน

  • สาเหตุหลักของความรุนแรงต่อเด็กมาจากโครงสร้างทางสังคม จารีตประเพณี และปัญหาทางด้านสุขภาพจิต
  • สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศแรงเร้ารุนแรงในสื่อออนไลน์และสังคม ยังสามารถหล่อหลอมพฤติกรรมก้าวร้าวได้
  • เด็กที่ถูกกระทำรุนแรงอาจแสดงอาการบาดเจ็บ ผิดปกติทางพฤติกรรมและจิตใจ ซึ่งส่งผลกระทบในระยะยาว

ความรุนแรงต่อเด็ก

เด็กๆ ควรมีการป้องกันไม่ให้เผลอเป็นเหยื่อของ ความรุนแรง ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น การทารุณกรรมทางร่างกาย, จิตใจ, หรือเพศ. ความทารุณนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในบ้าน, โรงเรียน, หรือชุมชน. เกิดจากการ ความรุนแรงในครอบครัว, โรงเรียน, และชุมชน, หรือ การรังแกมกระจุ73

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่ามี 4 ประเภทของ ความรุนแรงต่อเด็ก. ได้แก่ Physical Abuse (การทารุณกรรมทางร่างกาย), Emotional Abuse (การทารุณกรรมทางจิตใจ), Sexual Abuse (การล่วงละเมิดทางเพศ), และ Neglect (การละเลย)7

ความรุนแรงต่อเด็ก (Child Abuse) เกิดมาเมื่อ พ.ศ. 2547–2563 พบว่ามีเด็กกว่า 1,307 รายถูกทารุณ. พวกเขาได้รับบริการที่ศูนย์พึ่งได้ (OSCC) โรงพยาบาลตำรวจ7

ชนิดความรุนแรงต่อเด็ก

ปัจจัยหลายตัวส่งผลให้มีคนจะกระทำ ความรุนแรงต่อเด็ก. รวมถึงเคยเป็นเหยื่อ เคยถูกทอดทิ้งก่อนหน้า, ปัญหาสุขภาพทางจิตหรือร่างกาย, สภาพที่ยากจน, ติดสารเสพติดหรือสุรา. อีกทั้งมีปัญหาในครอบครัว หรือสถานการณ์หย่าหรือถ่ายโอนครอบครัว

  1. เด็กที่ถูกทารุณแสดงอาการผิดปกติได้แก่ รอยฟกช้ำ, รอยแผลแตก, หรือบาดเจ็บที่ไม่ตรงกับเหตุผลที่ประกอบ. อาจมีอาการขาดสารอาหาร, ชะชะ, ความช้าในการเรียน, และพฤติกรรมทางอารมณ์ผิดปกติ7
  2. ความรุนแรงต่อเดกค้านมีผลกระทบในระยะยาว. พวกเขาสามารถมีปัญหาหลายๆ อย่าง เช่นการไม่ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่, ความเครียด, ใช้สารเสพติด, ปัญหาความสัมพันธ์, และเป็นโรคจิต7
  • พบเด็กที่ถูกทารุณซูช่วยอันดับแรกคือปลดปลอยจากสถานที่เหตุการณ์ และแจ้งหน่วยงานเหล่านั้นให้ความช่วยเหลือ
  • ควรรักษารักษาอาการบาดเจ็บทางทรัพย์ตัว และรักษาอารมณ์ได้. นอกจากนี้ ต้องความรู้เพื่อป้องกันอันตราย จากสภาพแวดล้อมด้วย

การป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก เริ่มต้นจากการเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของตนเองก่อนอื่น. พร้อมทั้งให้ความร่วมมือจริงจังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง3

บทบาททีบ่านในการป้องกันความรุนแรง

ครอบครัวถือเป็นสถาบันหลักในการป้องกันความรุนแรงเพิ่มที่เด็ก. ผู้ปกครองสามารถช่วยสร้างรากฐานที่แกร่งให้กับเด็กตั้งแต่วัยเยาว์. การทราบ เวลาและพฤติกรรมของเด็กตามวัย ยิ่งช่วยให้พ่อแม่สามารถปรับพฤติกรรมเพื่อเรียนรู้และอนุรักษ์

การทราบพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย

พ่อแม่ควรเข้าใจพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย เช่น พัฒนาการทางร่างกาย, อารมณ์, สังคม, และสติปัญญา. ฮะให้จิ๋มใจ กว่า享ล เด็กอย่างที่เหมาะเพื่อส่งเสริมความพัฒนา.สร้างสภาพแวดล้อมทำงานที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนพัฒนาการของเด็กและป้องกันพฤติกรรมที่ไม่ดี

เข้าใจพฤติกรรมของเด็ก

การเข้าใจพฤติกรรมของเด็กตามวัย เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันความรุนแรง. เขาตอได้กิระว่าเด็กบางคนอาจกระทำในที่มีมากน้อย ความสำคัญที่มักเจตนาร/domestic-violence/.
การอย่าใส่อย่าปลองเด็กอย่างที่ใช้กำไรซึ่งกัน

.

ปรับทัศนคติและหลีกเลี่ยงการลงโทษเด็ก

การดูแลเด็กๆๆ้ากอย่างไม่ใช้ความรุนแรง ต้องการให้พ่อแม่ปรับทัศนคติและมองปัญหางตัวลูกให้เป็นแง็ง. นอกจากนั้นพ่อแม่ๆ ยังควรใช้วิธีการเรียนอบรมที่ดี. มวลาอบตอเรียกให้งตนให้ลูกมีพูนร์ที่ดี. เป็นวิธีการป้องกันไม่ให้ลูกตกเป็นเลขฟั้นของความรุนแรงในอนาคต

บทบาทของโรงเรียนในการป้องกันความรุนแรง

โรงเรียนเป็นสถานที่สำคัญในการสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัย และเอื้อปลั้ยให้เกิดการเรียนรู้อย่างเต็มฤดู. การป้องกันความรุนแรงในโรงเรียนเป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องทำ.

สังเกตพฤติกรรมนักเรียน

การติดตามและสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนอย่างใกล้ชิด ช่วยครูหรือบุคลากรทางการศึกษาสามารถระบุนักเรียนที่มีพฤติกรรมเริงร่าที่อาจกระทำความรุนได้. มีศึกษาแล้วพบว่า925% ของเด็กไทยอายุ 13-17 ปี เคยเจอความรุนแรงทางร่างกายในโรงเรียนในเวลา 1 ปี9. อัตรานี้เพิ่มขึ้นสูงถึง 35% ในเด็กชาย

จัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์

กิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกเรียน และกับครู มีประโยชน์มาก. เช่นการพัฒนาความเข้าใจและความไว้วางใจ. สิ่งนี้ช่วยลดโอกาสของความขัดแย้ง และพฤติกรรมรุนแรง. งานวิจัยหลายรายงานว่า ความรุนแรงในโรงเรียน มีผลกระทบเสริมชีวิตหลายด้านของผู้ใดในระยะยาว

10รูปแบบของความรุนแรงในโรงเรียน มีหลากหลาย, รวมถึงความรุนแรงทางร่างกาย การข่มขู่, และการละเมิดผ่านอินเทอร์เน็ต. พวกนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากการเรียนออนไลน์จากมวลชนโควิด-19

จัดสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนรู้

การสร้างบรรยากาศโรงเรียนปลอดภัย, และเอื้อต่อเรียนรู้, ช่วยให้ลดแรงจูงใจในความรุนแรง. สิ่งเหล่านี้มีผลกับการกระจายของความรุนแรงในโรงเรียน

นโยบายจัดการปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน

โรงเรียนควรมีนโยบายและแนวปฏิบัติชัดเจน เพื่อจัดการปัญหาการรังแก โดยป้องกันความรุนแรง และสร้างความเชื่อใจสำหรับนักเรียน และผู้ปกครอง การจัดการร�ยบเร็ว และโดยไม่ไม่จิตใจ สำคัน โรงเรียน ป้องกัน สร้างแบบที่ไม่เหมาะสม

บทบาทของชุมชนในการป้องกันความรุนแรง

ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการเฝ้าระวังความรุนแรงต่อเด็ก เด็กๆ ใช้เวลามากในชุมชน ดังนั้น ความร่วมมือที่ดีในชุมชนจึงสำคัญ. คนในชุมชนควรร่วมกันดูแลเด็ก และ รายงานความผิดปกติที่พบ

ร่วมกันดูแลและเฝ้าระวังเด็ก

ทุกคนในชุมชนควรเอาใจใส่เด็กๆ ทั้งภายในและนอกบ้าน. การระวังเพื่อป้องกันความรุนแรงมีความสำคัญ. หากเห็นพฤติกรรมที่น่ากังวล, ควรแจ้งผู้ปกครองหรือหน่วยงานมีพาหนะ

จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว

ชุมชนสามารถสร้างกิจกรรมให้ครอบครัวทำร่วม. ต่างแบบเช่น กิจกรรมนันทนาการต่างๆ หรือกีฬา. มันช่วยสร้างความอบอุ่นและลดความตึงเครียดที่มีแม่เหมือนตัวกรอง

จัดกิจกรรมพัฒนาเด็กในช่วงหลังเลิกเรียน

กิจกรรมพัฒนาทักษะช่วยบุคลกรรมคลื่นจน. มันให้เด็กๆ ทำหนังง่าย และห่างจากความตึงเครียด. ชุมชนช่วยกัน0ป้องกันความรุนแรงด้วยกิจกรรมพัฒนาเด็กตลอดเวลา

ลิงก์ที่มา

  1. https://loeiwangsai.go.th/public/list/data/detail/id/1949/menu/1554
  2. https://lasclev.org/th/how-can-domestic-violence-affect-children/
  3. https://www.thaichildrights.org/articles/violence01/
  4. https://www.craniofacial.or.th/aggressiveness-in-youth.php
  5. https://th.rajanukul.go.th/preview-3563.html
  6. https://cja.rsu.ac.th/การใช้ความรุนแรงในเด็ก/
  7. https://www.pobpad.com/child-abuse-การใช้ความรุนแรงในเด
  8. https://www.tijthailand.org/article/detail/50
  9. https://think.moveforwardparty.org/article/education/3677/
  10. https://www.gne.go.kr/upload_data/board_data/BBS_0000300/160522737623397.pdf
  11. https://www.banrai.go.th/news_detail?id=12401